สัณฐานของใบ

สัณฐานของใบ

ใบเป็นรยางค์ด้านข้างที่เกิดตรงข้อของลำต้น เป็นอวัยวะของพืชที่มีความหลากหลายมาก โดยทั่วไปใบมักมีสีเขียว ใบเป็นโครงสร้างของพืชที่มีความสำคัญในการศึกษาและตรวจหาชนิดของพืชสมุนไพร ใบมีรายละเอียดของรูปลักษณ์ได้มาก แต่ในที่นี้จะให้คำอธิบายโดยสังเขปเฉพาะที่อาจมีความสำคัญในการรู้จัก “ต้นยา” สมุนไพร ที่ถูกชนิด ดังนี้
๑.ชนิดของใบ อาจแบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่
ก. ใบเดี่ยวเป็นวัยที่มีแผ่นใบเพียงแผ่นเดียว มีก้านใบ ๑ ก้าน โดยขอใบอนุญาตหรือมีการอยากเว้าอย่างไรก็ได้ แต่ไม่ลึกถึงเส้นกลางใบ เช่น ใบมะม่วง ก้านใบกระถินณรงค์ โครงสร้างสีเขียวคล้ายใบของต้นกระถินณรงค์เป็นส่วนก้านใบ ซึ่งแผ่แบนคล้ายใบ ทำหน้าที่เหมือนใบ ใบของต้นกระถินณรงค์จะปรากฏให้เห็นเมื่อต้นเริ่มงอกจากเมล็ดในระยะแรกๆเท่านั้น ใบจริงๆของต้นกระถินณรงค์เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่
ข. ใบประกอบ เป็นใบที่มีแผ่นใบมากกว่า ๑ ใบ ขึ้นไปอยู่บนก้านใบเดียวกัน แต่ละแผ่นใบไม่เชื่อมต่อ กับแผ่นใบอื่น เรียก ใบย่อย แต่ละใบย่อยอาทิตย์อยู่กันบนแกนกลาง ซึ่งอยู่ต่อจากก้านใบ

ใบประกอบอาจแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่
ใบประกอบแบบขนนก เป็นใบประกอบที่มีใบย่อยติดอยู่สองข้างของแกนกลาง อาจติดแบบสลับกันหรือตรงกันก็ได้ ถ้าที่ปลายแกนกลางมีใบย่อยเพียงใบเดีย เรียกแบบขนนกปลายคี่ ถ้าปลายแกนกลางมีใบย่อย ๒ ใบ คู่กัน เรียก แบบขนนกปลายคู่ แต่ถ้ามีใบย่อยเพียง ๓ ใบ ติดบนแกนกลาง เรียก แบบขนนกที่มี ๓ ใบย่อย เช่น ใบทองหลาง ใบประกอบแบบขนนกอาจแบ่งย่อยได้ตามจำนวนครั้งของการแตกแขนงย่อยของแกนกลางได้เป็น แบบขนนกชั้นเดียว (แบบนี้แกนกลางไม่มีการแตกแขนง ใบย่อยแต่ละใบติดกันแกงกลางโดยตรง เช่น ใบมะขาม ) แบบขนนกสองชั้น (แบบนี้แกนกลางแตกแขนง ๑ ครั้ง เป็นการคลังย่อยโดยรายย่อยติดอยู่บนแกนกลางย่อย เช่น ใบหางนกยูงไทย) แบบขนนกสามชั้น (แบบนี้แกนกลางแตกออก แต่เป็นแกนกลางย่อยอีก ๒ ครั้ง โดยใบย่อยอยู่ติดกับแกนกลางย่อยสุดท้าย เช่น ใบปีบ) และแบบขนนกหลายชั้น (แบบนี้แกนกลางมีการแตกแขนงเป็นชั้นกลางย่อยมากกว่า ๒ครั้ง เช่น ใบเพกา)
ใบประกอบแบบนิ้วมือ เป็นใบประกอบที่ ใบย่อยแต่ละใบเกิดที่ปลายสุดของก้านใบ การต่อของใบย่อยกับก้านใบอยู่ในแนวรัศมี มีหลายแบบ เช่น แบบที่มีสองใบย่อย แบบที่มีสามใบย่อย แบบที่มีห้าใบย่อย
การพิจารณาชนิดของใบว่าเป็นใบเดี่ยวหรือใบประกอบนั้นสำคัญมากในการตรวจหาชนิดที่ถูกต้องของพืชสมุนไพร ก่อนอื่นต้องหาตำแหน่งของใบให้ได้ แล้วจึงพิจารณาโดยอาศัยหลักเกณฑ์ดังนี้
-ให้สังเกตตาที่ซอกใบเดี่ยวหรือใบประกอบ ซึ่งจะไม่พบที่ซอกใบย่อย ดังนั้น เมื่อพบตาซอกใบก็พิจารณาได้ว่าตรงตำแหน่งนั้นเป็นใบหนึ่งใบ แต่ จะเป็นใบเดี่ยวหรือใบประกอบ ก็ให้ดูจากรายละเอียดข้างต้น
-ให้สังเกตความอ่อนแอของใบ พืชลางชนิดอาจสังเกตดาที่ตาซอกใบได้ยาก หรือลางชนิดตาอาจหลุดร่วงไปได้ง่าย การพิจารณาใบเดี่ยวหรือใบประกอบนั้น จึงอาจดูความอ่อนแก่ของใบได้ เนื่องจากใบเดี่ยวที่เกิดบนกิ่งก่อนจะแก่กว่า สังเกตได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นสีสัน ขนาด ความหนาแน่น ต่างจากใบอ่อนที่เกิดมาภายหลัง แต่ใบย่อยของใบประกอบจะเกิดขึ้นพร้อมๆกัน ถึงมากคือความอ่อนแก่เท่าๆกัน หรือใกล้เคียงกัน ตัวอย่างที่จะทำให้เข้าใจได้ง่ายคือใบมะยม ซึ่งจัดเป็นใบเดี่ยว (แต่ดูเหมือนเป็นใบประกอบ) นอกจากนี้เรายังอาจพิจารณารายละเอียดอย่างอื่นๆ เช่น ถ้าเป็นใบเดี่ยวจะติดอยู่กับกิ่ง อาจสังเกตุเห็นตายอดได้ แต่ถ้าเป็นมาประกอบจะไม่มีตายอดที่แกนกลาง หรือบนกิ่งจะเห็นข้อและปล้องได้สำหรับพืชลางชนิด แต่แกนกลางของใบประกอบจะไม่มีข้อและปล้อง

 

รูปภาพจาก:๑๐๘ พรรณไม้ไทย.com.thaigoodview.com,nana-bio.com